ต่อจากบทความที่แล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ร้อนระอุในวงการรถบัสโดยสารหรือรถทัวร์ ภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศเลิกอุ้มราคาน้ำมันดีเซลเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ประกอบกับภาวะซบเซาหลังจากวิกฤตโควิดที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก เริ่มมีกระแสข่าวการขายกิจการเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่ขาดสภาพคล่องอย่างหนักจนไม่สามารถยืดระยะกิจการต่อไปได้ จำต้องขายรถที่ตัวเองรัก แม้จะเป็นอาชีพที่เลี้ยงปากท้องมานานหลายสิบปีก็ตาม ส่งผลให้ระยะเวลาที่ผ่านมาราคาซื้อขายรถบัสมือสองร่วงลงอย่างมาก
แต่ที่สะเทือนวงการมากที่สุด ก็เห็นจะหนีไม่พ้นเจ้าใหญ่อย่าง "เชิดชัยทัวร์" ที่ประกาศขายกิจการ แม้ต่อมาเจ้าแม่รถทัวร์อย่าง "เจ๊เกียว" จะออกมาเผยว่าไม่ใช่เป็นการขายเส้นทางทั้งหมด แต่เป็นการปรับลดเพียงบางเส้นทางเท่านั้นก็ตาม แต่นี่ก็เป็นกระจกสะท้อนอย่างดีว่า วงการรถทัวร์ไทย อยู่ในสถานการณ์ที่ระส่ำหนัก
แต่ดูเหมือนว่าเรื่องสั่นสะเทือนในวงการรถทัวร์ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีข่าวหนาหูจากสำนักข่าวชื่อดังอย่าง SpringNews ที่ได้ออกมาเผยว่า ยังมีผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางเจ้าใหญ่เตรียมประกาศขายกิจการอีกราย ซึ่งรายนี้อาจมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึงหลักพันล้านบาท ก็ต้องตามติดกันต่อไปนะครับว่าเจ้าใหญ่ที่ว่านี้คือใครกันแน่
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ยังไม่น่าติดตามเท่ากับว่า "วงการรถทัวร์ไทย" ในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มากน้อยขนาดไหน หลังการเปลี่ยนมือเจ้าของกิจการ โดยเฉพาะการเปลี่ยนมือจากผู้ประกอบการรายย่อย สู่ผู้ประกอบกิจการรายใหญ่ที่มีเงินทุนมหาศาล จะสามารถพลิกฟื้นสถานการณ์รถทัวร์ไทยให้กลับมารุ่งเรืองเหมือนครั้งในอดีตและเป็นทางเลือกในการเดินทางยอดนิยมของคนไทยอีกครั้งได้หรือไม่ น่าติดตามตอนต่อไปจริงๆ ครับ
วาณิมณ ทรานสปอร์ต
